วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

Smooth Criminal

คือ ... ต้องเปิด เพลงประกอบ ด้วยไหม?
____________________

เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้ เขียนขึ้นเพื่อไว้เป็นอุทาหรณ์ โดยเขียนเอาจากเรื่องราวที่ผมได้ประสบมาตั้งแต่เริ่มปี 2017

รวมถึงเพิ่มทักษะในการเล่าเรื่องผ่านตัวอักษร เพราะ อยากจะลองทำงานเป็นนักเขียนสมัครเล่นดูบ้าง เพราะ เอาจริงๆ ตัวผมเองก็เขียน (พิมพ์) เรื่องราวต่างๆ มาหลายอย่างด้วยกัน

อาจจะมีความผิดพลาดเรื่องวันและเวลาที่เกิดขึ้นบ้าง เพราะไม่ได้จดบันทึกไว้แต่แรกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เนื่องจากเกรงว่าข้อมูลอาจจะรั่วไหลได้

แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันประมาณนี้ครับ
____________________

ปลายปี 2016

ด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้ผมที่ทำงานอยู่ที่เชียงราย และคุณแม่ของผมที่อยู่ กทม. ต้องย้ายบ้านมาที่นครสวรรค์โดยกระทันหัน

และบ้านหลังดังกล่าวก็ได้เปลี่ยนชื่อเจ้าของกลายเป็นของผมและคุณแม่ของผมในวันที่ 30 ธันวาคม 2016

หลังจากเสร็จเรื่องแล้ว ตัวผมเองยังมีภารกิจบางอย่างที่ กทม. และ ต้องไปเก็บของที่เชียงรายอีก ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นจากการเก็บของรอบแรกแล้วลงมาได้นั้นก็ปาไปวันที่ 5 มกราคม 2017 แล้ว

โดยระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม ถึง 5 มกราคม นั้น คุณแม่ก็ได้เข้าอาศัยในบ้านหลังดังกล่าวแล้ว

เนื่องจากว่าบ้านหลังนี้อยู่ในท่ารถ และเดิมทีทำเป็นห้องพัก และ ร้านขายของอยู่ก่อนแล้ว เจ้าของเก่าต้องการจะสอนทุกอย่างที่เขาทำไว้ก่อนหน้าให้กับคุณแม่ในเวลาเร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การดูแลร้าน หรือการดูแลห้องพัก

ซึ่งแน่นอนว่า ด้วยความกระทันหัน ทำให้ท่านไม่มีเวลาเตรียมตัวแต่อย่างใด บวกกับการที่เจ้าของเก่าทำการสอนทุกอย่างในเวลาเร่งรีบ ส่งผลให้ท่านดูแลบ้านได้ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก และพยายามโทรเร่งให้ผมทำภารกิจ ในช่วง 31 ธันวาคม ถึง 5 มกราคม โดยเร็ว

แต่ผมเองก็ทำไม่ได้

ด้วยความสัตย์จริง ผมเองนั้น ต้องการทำทุกอย่างให้เสร็จเร็วที่สุด เพราะ ผมเองก็อยากจะเข้าไปจัดการบ้านของผมด้วยตัวของผมเองจริงๆ เสียที
____________________

1 มกราคม 2017

หลังจากเสร็จภารกิจที่ กทม. แล้ว ผมเดินทางกลับมาหาคุณแม่ก่อน เพื่อที่จะพักผ่อนก่อนเดินทางไปเชียงรายต่อในวันที่ 2 มกราคม 2017 ระหว่างเดินทางกลับมานั้น พบว่า คุณแม่ได้จ้างลูกจ้างคนหนึ่งแล้ว

โดยตัวลูกจ้าง เข้ามาเสนอตัวเองว่า "ให้จ้างเธอวันละ 300 บาท และเปิดห้องพักให้เธอ 1 ห้อง แล้วเธอจะช่วยคุณแม่เอง"

เนื่องจากคุณแม่ที่ทนไม่ไหวกับการอัดข้อมูลจำนวนมาก คุณแม่จึงรับเธอเข้ามาทำงานโดยง่าย และเธอก็ช่วยเหลืองานอย่างดี

พอผมเองเข้ามาเห็นก็พบว่า เธอช่วยงานคุณแม่ได้ จึงปล่อยให้มาช่วยงานคุณแม่ในระหว่างที่ผมไปเก็บของรอบแรกที่เชียงรายต่อไป
____________________

2 มกราคม 2017

ผมขับรถไปหาน้องชายที่อยู่อาศัยอยู่ในจังหวัดนครสวรรค์อยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่ผมไปเยี่ยมหาน้องชายแล้วเล่าเรื่องราวให้ฟัง ตัวน้องชายเองไม่ไว้ใจลูกจ้างคนนี้ แล้วจะหาญาติฝ่ายน้องสะใภ้ไปช่วยแทนลูกจ้างคนนี้

แต่หลังจากโทรไปหาคุณแม่แล้ว คุณแม่กลับบอกว่า ไม่ต้องพามาก็ได้ เพราะลูกจ้างคนนี้ช่วยงานได้เป็นอย่างดี

ผมจึงถามย้ำกับคุณแม่ว่า แม่วางใจลูกจ้างคนนี้ไหม? คุณแม่ตอบว่าไว้ใจ ผมจึงคุยกับน้องชายว่า ปล่อยไว้ก่อนล่ะกัน จะรีบไปเก็บของที่เชียงรายแล้วรีบลงมาช่วยคุณแม่ให้เร็วที่สุด
____________________

5 - 7 มกราคม 2017

หลังจากที่เก็บของรอบแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมรีบเดินทางกลับมาที่นครสวรรค์ทันที ส่วนเจ้าของเก่า เขาต้องการสอนผมเกี่ยวกับงานหน้าร้านในวันที่ 6 มกราคม และเดินทางไปทำธุระต่อในวันที่ 7 มกราคม

ด้วยความที่ยังตั้งตัวไม่ติด ว่าต้องทำอะไรบ้าง บวกกับลูกจ้าง ก็สามารถช่วยเหลือผมได้เป็นอย่างดี ผมจึงค่อนข้างไว้วางใจลูกจ้างคนนี้ อยู่พอควร
____________________

8 - 10 มกราคม 2017

หลังจากที่ เจ้าของเก่า เดินทางออกไปแล้ว ผมก็เริ่มเรียนรู้งานแล้วปรับแต่งรูปแบบร้านให้เข้ากับสไตล์ของผมเอง โดยมีลูกจ้างคอยช่วยเหลือผมอยู่ ซึ่งเธอเองมักจะให้ผมออกไปข้างนอกอยู่ตลอด ทั้งการหาของมาขาย ทั้งการทำธุระ เรื่องการดำเนินกิจการของร้าน และอื่นๆ

เนื่องจากความไว้วางใจที่มีพอควรแล้ว ผมจึงพยายามรีบทำทุกอย่างให้เรียบร้อย ทั้งสืบราคาสินค้า ทั้งหาของมาปรับปรุงร้านและห้องพัก

แต่เนื่องด้วยความที่ยังไม่คุ้นชินว่า จะหาซื้อของที่ต้องการแต่ละที่ได้อย่างไร จึงใช้เวลาพอควรกับการจัดหาสินค้าต่างๆ

ระหว่างนี้ ลูกจ้างได้เล่าเรื่องราวของตัวเองว่า เธอคนนี้เพิ่งได้เลิกกับแฟนเพราะแม่ยายไม่ต้องการให้ลูกชายแต่งกับเธอคนนี้ และด้วยวิธีการบางอย่าง เธอจึงได้รถตู้ป้ายแดงมา 2 คัน พร้อมกับถามความเห็นผมว่า มีรถตู้ 2 คันทำอะไรดี

ผมจึงพูดลอยๆ ว่า "ทำรถตู้สาย นครสวรรค์ - สุพรรณบุรี ไหม?"

ซึ่งเธอเห็นชอบด้วย เพราะที่ท่ารถแห่งนี้ ไม่มีรถตู้สาย นครสวรรค์ - สุพรรณบุรี เลยจริงๆ

พร้อมทั้งเสนอให้ผมเองเป็นคนขับรถตู้ด้วย

ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมถึงเป็นสุพรรณบุรี เพราะ ตัวลูกจ้างคนนี้เป็นคนสุพรรณบุรี
____________________

11 มกราคม 2017

เนื่องจากว่า ร้านขายของที่ผมทำอยู่นั้น เป็นร้านขายของฝาก ผมเองจึงอยากพัฒนาให้ร้านขายของฝากตรงนี้ ควรมีของอย่างอื่นขายด้วย

ลูกจ้างคนนี้ จึงบอกว่า อยากให้ไปลองดูขนมเปี้ยะที่ตลาดเก้าห้อง จ.สุพรรณบุรี ดู แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัด ทำให้ผมเองไม่อยากไปเพราะยังขายของไม่ได้กำไรเลย

ลูกจ้างคนนี้จึงบอกว่า จะให้ยืมเงินก่อน 10,000 บาท และอยากให้ไปจริงๆ

ผมจึงตัดสินใจ ปิดร้านและขับรถพาคุณแม่ และลูกจ้าง ไปที่ตลาดเก้าห้อง เพื่อหาซื้อขนมเปี้ยะมาเตรียมขายในช่วงตรุษจีน

ทั้งนี้ งานตรุษจีน ที่ จ.นครสวรรค์ นั้น จัดยาวตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2017 ถือเป็นงานใหญ่ประจำจังหวัดเลยก็ว่าได้



ซึ่งหากมีโอกาศ จะเข้าไปลองดูซักครั้ง

หลังจากที่เสร็จจากการซื้อของฝากและดูสินค้าที่น่าสนใจ ตัวผมเองก็เตรียมดำเนินการในการจัดเตรียมร้านขั้นต่อไป
____________________

12 - 14 มกราคม 2017

แม้ตัวลูกจ้างจะทำงานดี แต่ในลักษณะพฤติกรรมหลายๆ อย่างกลับพบว่า ตัวเธอเองทำกริยามารยาทได้ไม่สมกับที่เธอบอกไว้

เธอบอกว่า ตัวเธอนั้น จบปริญญาโท สาขา บริหาร จากรามคำแหง แต่จากที่สังเกตดูพฤติกรรมแล้ว เช่น ลักษณะการเรียกลูกค้า ที่ดูแล้วไม่เหมือนคนที่มีการศึกษาสูงขนาดนั้น, การใช้ คะ/ค่ะ ผิด, การโทรศัพท์หาคนอื่นแบบไม่รู้จักกาลเทศะ, หนีขึ้นไปโทรศัพท์ที่ห้องพักตัวเองทั้งๆ ที่อยู่ในเวลางาน, พยายามให้ผมออกไปซื้อของข้างนอก และดำเนินการเกี่ยวกับการทำทะเบียนการค้าให้เร็วที่สุด และระหว่างที่ผมไม่อยู่ ก็ปล่อยให้คุณแม่อยู่คนเดียว

และอีกหลายๆ พฤติกรรมที่ ผมวิเคราะห์คร่าวๆ แล้วว่า "นี่คุณจบ ปริญญาโท มาแน่หรือเนี่ย? แล้วมาทำอะไรที่นี่ฟระ?"

ทั้งนี้เธอเองเห็นว่าทางบ้านผมสภาพคล่องไม่ค่อยดี จึงเสนอตัวว่า จะให้ผมยืมเงิน 100,000 บาท หากต้องการ

แต่ตัวผมเองมองว่า จะพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ติดหนี้ใครโดยไม่จำเป็น และพยายามที่จะทำร้านขายของในเงินทุนที่จำกัดจำเขี่ยนี้ก่อน

ผมเองมองถึงความมั่นคงของบ้านมากกว่า และการติดหนี้ ถือเป็นสิ่งที่สั่นคลอนความมั่นคงของบ้านในด้านการครอบครองบ้าน และยังส่งผลให้เสียขวัญกำลังใจ ผมจึงปฎิเสธที่จะยืมเงิน 100,000 บาท จากเธอ

ระหว่างนี้ ผมปรึกษากับคนหลายๆ คนเกี่ยวกับลูกจ้างคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นน้องชาย รุ่นพี่ที่เคารพ และเพื่อนที่เล่นเกมด้วยกัน ทุกคนล้วนไม่ไว้ใจลูกจ้างคนนี้ ทั้งที่มาและที่ไป

เพราะโลกนี้ ไม่ใช่การ์ตูน เหตุการณ์แบบนี้ ไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และค่าจ้างวันละ 300 บาท บวกกับเปิดห้องให้พัก โดยรวมแล้ว ผมจะต้องเสียเงินให้กับลูกจ้างคนนี้ราวเดือนละ 20,000 บาท โดยไม่รู้ตัว

หลังจากคุยปรึกษากันหลายๆ คนแล้ว ก็ได้ความว่า ผมควรขอบัตรประจำตัวประชาชนของลูกจ้างคนนี้มาถ่ายสำเนาไว้ให้ได้ เพื่อเอาไว้เป็นหลักฐานในกรณีหายตัวไป

กล่าวคือ ไม่มีใครไว้ใจ ลูกจ้างคนนี้เลยซักคน ยกเว้นผมและคุณแม่
____________________

15 มกราคม 2017

ด้วยวิธีการบางอย่าง ผมสามารถขอบัตรประชาชนของลูกจ้างคนนี้มาได้ โดยผมเองบอกไปว่า ต้องการเก็บไว้ เผื่อว่า เธอโดนลักพาตัวไป หรือ รวมถึงเอาไว้เป็นหลักฐานในการเปิดคิวรถตู้ที่คุยกันไว้

พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอด้วยว่า จะเก็บของผมไปด้วยก็ได้ เผื่อว่าผมหน้ามืดตามัว บุกขึ้นไปข่มขืน จะได้แจ้งตำรวจได้

ด้วยการที่ถามแบบทีเล่นทีจริง ในที่สุด ผมก็ได้บัตรประชาชนของเธอมา พร้อมลายเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง

แต่ดูจากหน้าตาแล้ว ...

ผมคงไม่หน้ามืดขนาดนั้นหรอกครับ
____________________

16 มกราคม 2017

ลูกจ้างบอกว่า ตัวเธอเองนั้นมีธุระที่ต้องกลับบ้าน เรื่องเกี่ยวกับการเปิดคิวรถตู้ และจะกลับมาในวันที่ 17 มกราคม 2017 พร้อมกับรถตู้ที่จดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว

และเนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้ลองงานว่า ถ้าที่ร้านมีผมกับคุณแม่อยู่กัน 2 คนแล้ว จะสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ไหม?

ผมจึงให้เธอกลับบ้านไปก่อน และกำชับว่า อย่าเพิ่งเอารถตู้มา เพราะ เรื่องมันชักจะแปลกพิลึกผิดสังเกตขึ้นไปทุกที โดยอ้างว่า เอามาแล้วก็หาที่จอดยาก และเรื่องการเปิดคิวรถตู้ก็ยังไม่รู้จะผ่านหรือเปล่าด้วย

เธอจึงกลับไปพร้อมกับบอกว่า จะนำรถส่วนตัวมาด้วย
____________________

17 มกราคม 2017

เนื่องด้วยความไม่ไว้วางใจของน้องชาย เขาจึงนำสำเนาบัตรประชาชนของลูกจ้างคนนี้ไปตรวจสอบกับตำรวจ

ได้ความว่า

ลูกจ้างคนนี้ ได้หนีคดีฉ้อโกงมาจาก จ.นครปฐม โดยทางเจ้าหน้าที่ของจ.นครปฐมกำลังต้องการตัวอยู่

เมื่อได้ยินดังนั้น ตัวน้องชายของผมเองซึ่งเป็นห่วงแม่ของผมจึงได้วางแผนเร่งด่วนเพื่อดึงตัวคุณแม่ออกมาจากที่บ้านก่อน และให้ผมเองทำการปิดร้าน 1 วัน

แต่ตัวผมเองได้บอกกับน้องชายว่าทำไม่ได้ เพราะว่า ลูกค้ายังพักที่ห้องอยู่ และด้วยความที่ถือคติว่า ลูกค้าต้องมาก่อน จึงบอกน้องชายว่า "ไม่ว่าอะไรก็ตาม ลูกค้าต้องมาก่อน เราจะไปบอกเขาว่า จะปิดร้านแล้วหนีไปแบบนี้ไม่ได้"

ขณะที่น้องชายกำลังจะเข้าไปรับตัวคุณแม่ออกมาก่อน ลูกจ้างก็ได้กลับมาที่ร้านแล้วพร้อมกับบอกว่า หากต้องการเปิดคิวรถตู้ สุพรรณบุรี - นครสวรรค์ นั้น จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นเงิน 200,000 บาท จึงจะสามารถเปิดคิวรถตู้ให้ได้

ทั้งนี้ยังบอกอีกว่า ทางสุพรรณบุรีนั้นไม่มีปัญหาเรื่องการเปิดคิวให้

ผมจึงแอบบอกกับทางน้องชายว่า ลูกจ้างมาถึงที่ร้านแล้ว หาวิธีพาคุณแม่ออกไปก่อนล่ะกัน

และด้วยวิธีการอ้างถึงครอบครัว น้องชายจึงสามารถดึงตัวแม่โดยที่แม่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังโดนหลอกอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพิรุธ จนลูกจ้างสงสัย และออกไปพร้อมกับแจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว

ส่วนตัวผมเองที่รับมือกับลูกจ้างคนนี้ ก็บอกกับเธอว่า ให้เธอกลับไปที่บ้านอีกครั้ง เพราะบ้านหลังนี้อาจโดนเปลี่ยนมือได้ แม้เจ้าตัวยืนยันว่าจะอยู่ด้วย แต่ผมยังยืนยันว่า กลับไปก่อนเถอะ นี่มันเรื่องครอบครัว พร้อมทำสีหน้าเคร่งเครียดสุดขีด

ทั้งนี้ ผมเองได้เตรียมเงินไว้สำหรับมาจ่ายหนี้ที่ยืมเธอมา 10,000 บาทด้วย

แต่เนื่องจากรุ่นพี่คนนึงได้เตือนผมไว้ว่า "ไม่ว่าอะไรก็ตาม อย่าเพิ่งคืนเงินให้ และหากเกิดปัญหาจริงๆ ให้โอนเงินไปในภายหลัง"

ผมจึงเก็บเงินก้อนนี้ไว้กับตัวก่อน เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจริงๆ

...

หลังจากที่ผมให้เธอกลับบ้านไปได้แล้ว ผมจึงโทรติดต่อกับน้องชายทันที และคุยปรับความเข้าใจกัน

จนมาพบว่า เงิน 10,000 บาทที่ลูกจ้างกล่าวอ้างนั้น จริงๆ แล้ว เป็นเงินของคุณแม่เอง

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตัวผมเองถึงกับสบถด่าออกมาทางโทรศัพท์ดังๆ

เรื่องอื่นนั้น ผมเองยอมรับได้ว่าผมยอมลูกจ้างคนนี้มากเกินไป ผมให้อภัยเรื่องที่ลูกจ้างคนนี้หลอกผม

แต่เรื่องที่ผมไม่สามารถให้อภัยลูกจ้างคนนี้ได้เลยคือ เธอบอกให้แม่ของผม ปิดบังผมว่าเงิน 10,000 บาทก้อนนี้ จริงๆ แล้วเป็นเงินของคุณแม่

เพื่อให้ผมไปซื้อของที่สุพรรณบุรีด้วยความสบายใจว่า จะไม่กระทบเงินของคุณแม่ผมไปมากกว่านี้

หลังจากได้ยินเรื่องจริงจากคุณแม่แล้ว ผมจึงต้องการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสายสืบเพื่อดำเนินการจับกุม ผู้หญิง คนนี้ในทันที

...

ถือว่าผมนั้นโชคดีจริงๆ ที่ฉุกคิดเรื่องคืนเงินได้ และไม่พูดเรื่องคืนเงินไปในตอนนั้น

ไม่เช่นนั้นผมคงโดนเชิดเงิน 10,000 บาทไปอย่างแน่นอน

____________________

18 - 19 มกราคม 2017

ผมเดินทางไปรับคุณแม่เพื่อเปิดร้านต่อ พร้อมทั้งเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น

และเพื่อเป็นการทดลองว่า ถ้าบ้านแห่งนี้ อยู่กัน 2 คน เราสามารถรับมือกับลูกค้าที่จะประดังกันเข้ามาได้ไหม?

ซึ่ง จากการทดลอง พบว่า เรา 2 คนแม่ลูกนั้น สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่งแล้ว

คุณแม่ดูแลเรื่องห้องพัก ส่วนผมดูแลเรื่องหน้าร้าน

ด้วยความที่ผมเป็นคนนิสัยไม่เร่งรีบและใจเย็นพอสมควร จึงสามารถรับมือกับลูกค้าที่เข้ามาซื้อของที่ร้านได้

พวกเราพูดคุยกันว่า ในอนาคต บ้านหลังนี้จะออกมาเป็นอย่างไร และพัฒนาให้บ้านหลังนี้น่าอยู่ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก

และได้โทรไปบอกลูกจ้างว่า ตอนนี้งานวุ่นมาก ยังไงช่วยรีบกลับมาช่วยในวันที่ 20 ได้หรือไม่? เพราะวันที่ 21 - 22 เป็นวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งจากการสังเกตมา 3 สัปดาห์ พบว่า เป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าจะมาเยอะมากที่สุด

แต่เธอตอบกลับมาว่า เธอจะเข้ามาในวันจันทร์ที่ 23

ซึ่งผมก็ตอบตกลงเธอไป
____________________
20 มกราคม 2017

ลูกจ้างโทรมาบอกว่า ตัวเขาเองจะเสร็จธุระแล้ว และหากมีรถจะกลับมาในวันที่ 21 แต่หากไม่มี จะลับมาในวันที่ 22 มกราคม
____________________
21 มกราคม 2017

ด้วยความสามารถในการจำหน้าตาคนอื่นต่ำถึงต่ำมาก ผมจึงจำไม่ได้ว่า มีคนเข้าพักคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนแฟนของเธอ

เขาจึงเข้ามาพักที่ห้องพักได้ โดยที่ผมไม่สงสัยอะไรเลย

ทั้งนี้ การต้อนรับลูกค้า และ การพาลูกค้าขึ้นห้องพัก พวกเรา 2 คนแม่ลูก สามารถทำได้อย่างลงตัว แม้บางเรื่องจะลำบากบ้าง แต่ก็พยายามตั้งกฎขึ้นมาเพื่อทำให้พวกเรา 2 คนนั้น ไม่เหนื่อยจนเกินไป
____________________

22 มกราคม 2017

แฟนของลูกจ้าง เดินทางออก และได้ถามถึงลูกจ้างด้วยว่าไปที่ไหน แต่ด้วยความที่ผมไม่รู้ว่า เขาหมายถึงใคร จึงตอบไปว่า เจ้าของเดินไปทำงานต่อแล้ว ส่วนลูกจ้างที่จ้างไว้ ให้กลับไปก่อนด้วยเหตุผลทางครอบครัว

แม้จุดนี้จะไม่แน่ใจว่าตอบอะไรไป

แต่แฟนของลูกจ้างก็เดินกลับออกไปโดยดี

จากพฤติกรรมดังกล่าว น้องชายคาดว่า ลูกจ้างได้ส่งแฟนมาสังเกตการณ์ว่า ผมและคุณแม่ รู้แล้วหรือยังว่า เธอกำลังหนีคดีอยู่

...

ซึ่งอาจจะถือเป็นโชคดีของผมก็ได้ ที่ผมเองมักจะทำหน้าแบบ ไม่รู้ไปซะทุกเรื่องจริงๆ

บ่ายวันเดียวกัน ลูกจ้างกลับมาแล้ว

พร้อมกับเรื่องที่เตรียมไว้ เพื่อทำให้ลูกจ้างคนนี้มั่นใจว่า ... เรายังไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ

พร้อมกับได้พูดเกี่ยวกับเรื่องคิวรถตู้ว่า คนจากครอบครัว สนใจที่จะร่วมธุรกิจรถตู้ด้วย และหากต้องการเงิน 200,000 บาทไว้ในกรณีที่ต้องเปิดคิวรถตู้ เขาจะเป็นคนจัดการเรื่องเงินให้

เพื่อทำให้ลูกจ้างยังอยู่เพื่อจะได้ดำเนินการจับกุม
____________________

23 - 24 มกราคม 2017

ร้านค้ายังคงดำเนินไปตามปกติ และด้วยความที่อยากให้อยู่จนกว่าสายสืบจะทำการจับกุมได้ ผมและคุณแม่จึงอดทนไว้จนกว่าจะถึงวันนั้น

และยื่นคำขาดกับน้องชายว่า หากไม่ดำเนินการจับกุมภายในวันที่ 31 มกราคม 2017 นี้ จะบอกเลิกจ้างผู้หญิงคนนี้ทันที
____________________

25 มกราคม 2017

น้องชายโทรมาบอกว่า เจ้าหน้าที่พร้อมที่จะจับกุมแล้ว และเข้าดำเนินการในช่วงบ่ายพอดี

ซึ่งในเวลาดังกล่าว ผมได้ออกไปทำธุระข้างนอกพอดี จึงไม่ได้เห็นว่า ขั้นตอนในการดำเนินการจับกุม ลูกจ้างคนนี้เป็นอย่างไร

แต่คุณแม่ของผมเห็นเหตุการณ์และเล่าคร่าวๆ ได้ดังนี้

- สายสืบ ได้เข้ามาหาลูกจ้าง แล้วถามว่า ใช้คนคนนี้หรือเปล่า? คุณพ่อชื่อนี้ใช่ไหม? คุณแม่ชื่อนี้ใช่ไหม?
- ลูกจ้างทำการปฎิเสธทุกข้อที่สายสืบถาม
- สายสืบบอกว่า ทำไมต้องโกหกกันด้วย
- จากนั้น สายสืบทั้ง 3 ก็พาลูกจ้างไปโรงพัก

ก่อนจะถูกพาตัวไปโรงพัก ลูกจ้างได้ขอให้ผมเติมเงินโทรศัพท์ให้เธอ 100 บาท แต่เนื่องด้วยผมไม่รู้ว่า เบอร์โทรของเธอค่ายอะไร (จริงๆ รู้) จึงไม่ได้เติมไป

เธอจึงโทรมาอีกครั้ง แล้วบอกว่า ให้ช่วยเติมเงินโทรศัพท์ให้เธอด้วย 100 บาท แล้วกลับไปจะเล่าเรื่องราวให้ฟัง

หลังปรึกษากันแล้ว จึงเติมเงินให้เธอไปเพียง 50 บาทเท่านั้น

เพื่อให้เธอเข้าใจผิดว่า ที่เธอโดนจับนั้น ไม่ใช่ฝีมือของผมหรือน้องชายผมแต่เป็นฝีมือของสายสืบเอง เพราะผมยังให้ความร่วมมือกับเธออยู่

...

หัวค่ำวันนั้น

ผมสามารถคุยกับแม่ได้อย่างมีความสุขยิ่งขึ้น

ร้านกำลังไปได้สวย หากคุมดีๆ ผมจะทำให้ห้องพักที่นี่ น่าอยู่มากยิ่งขึ้นไปอีก

ผมสามารถคุยเสียงดังๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่า จะมีใครมาแอบฟังอีกต่อไป
____________________

26 มกราคม 2017

น้องชายโทรมาบอกว่า

ตำรวจได้ควบคุมตัวลูกจ้างคนนี้ไปยังจ.นครปฐมเรียบร้อยแล้ว

ได้ยินมาว่า เธอหนีคดีที่มีคนเข้าแจ้งไว้ ถึง 8 คดี

เป็น จ.นครปฐม 5 คดี กทม. 3 ดคดี

ระหว่างการสืบสวน เจ้าตัวให้การปฎิเสธทุกกรณี แต่สุดท้ายก็ร้องไห้ดังไปทั่วโรงพัก

ปิดคดีของนักต้มตุ๋นคนนี้ลงไปด้วยดี
____________________

หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี จนถึง ตอนนี้

ในกรณีของผม นับว่าเป็นโชคในหลายๆ อย่าง

ที่ไม่โดนหลอกไปจนต้องเสียบ้านไป หรือเป็นหนี้ใคร

แม้ว่าจะมีของในร้านเสียหายไปบ้าง แต่ผมมั่นใจว่า ไม่นาน ผมก็จะสามารถซื้อของชิ้นใหม่ขึ้นมาได้

...

และเรื่องราวต่างๆ จบลงไปได้ด้วยดี

ทั้งนี้ ผมเองต้องขอบคุณ

- คุณแม่ ที่ช่วยเหลืองานด้านหลังร้าน และ ห้องพักได้เป็นอย่างดี
- น้องชายของผมที่เป็นห่วงคุณแม่ และดำเนินการแจ้งตำรวจ จนสามารถจับคนร้ายได้ในที่สุด
- รุ่นพี่ ที่แนะนำว่าผมควรทำอย่างไร
- ตัวลูกจ้างเอง ที่ทำให้ผมพบว่า ประเทศของเรา มีมิจฉาชีพเยอะขนาดไหน และทำให้เรารู้ว่า ถ้าเจอแล้ว คราวหน้า จะต้องทำอย่างไร?
- เพื่อนกลุ่ม MW ที่คอยรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น
- จ่าพิชิต
- ตัวเล็ก

ด้วยความสัตย์จริง
Chator Curtis
27/01/2017


รูปตัวเล็กครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น